สภาองค์กรชุมชนตำบลแม่เจดีย์ใหม่

สภาองค์กรชุมชนตำบลแม่เจดีย์ใหม่
ข้อมูลพื้นฐานตำบล

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หนาวนี้..ที่ดอยลังกา..แม่เจดีย์ใหม่


          ดอยลังกาหลวง เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติขุนแจ ครอบคลุมบริเวณรอยต่อ 3 จังหวัดคือ
เชียงราย - ลำปาง - เชียงใหม่ ติดเขตจังหวัดเชียงใหม่บริเวณพื้นที่ของอำเภอดอยสะเก็ดตามเส้นทางที่มุ่งไปยังจังหวัดเชียงราย  อุทยานแห่งชาติขุนแจมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ในส่วนของดอยลังกาหลวงมียอดดอยอื่นๆ ที่อยู่ในเส้นทางเดินป่าเส้นทางเดียวกันคือ ดอยผาโง้ม( 1,764 เมตร ) ดอยลังกาน้อย( 1,600 เมตร )  และดอยลังกาหลวง( 2,031 เมตร ) เปรียบเทียบแล้วก็เหมือนกับดอยหลวงเชียงดาวที่มียอดดอยหลวงเชียงดาวสูงสุดและยังมียอดดอยอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายยอด ชื่อที่เรียกมาจากยอดดอยที่สูงที่สุด อย่างดอยลังกาหลวงนี้ก็เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแห่งนี้ มีความสูงถึง 2,031 เมตร สูงเป็นอันดับ 6 ของยอดเขาสูงเมืองไทย ลักษณะป่าจะเป็นป่าดิบเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์และยังเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำลาว
        จุดเด่นของเส้นทางเดินป่าเส้นนี้คือ การเดินตามแนวสันดอยไปตลอดเส้นทางได้พบได้เห็นป่าสภาพต่างๆ มีทั้งป่าดิบเขา ป่าสน และทุ่งหญ้าบนดอยสูง ป่าที่นี่มีความหลากหลายทำให้นักเดินทางไม่รู้สึกเบื่อหน่าย  ตลอดเส้นทางเดินบนสันดอยจะมองเห็นภาพวิวที่สวยงาม ดอกไม้ก็มีมาก มีทั้งดอกกุหลาบขาวดอยลังกาที่มีลักษณะเฉพาะจะออกดอกสวยงามในฤดูหนาว ดอกหรีดมีเยอะมาก นอกจากนี้ยังมีดอกไม้สวยแปลกตาอีกหลายชนิด     ภาพซ้ายคือเส้นทางเดินสู่ดอยลังกาที่ท้าทาย เดินบนสันเขาเกือบตลอดเส้นทาง ชมวิวสวยได้ตลอดทาง
          
         เส้นทางเดินขึ้นดอยลังกาหลวง
ดอยลังกาหลวง มีเส้นทางเดินป่าที่ไม่ย้อนกลับทางเดิม เริ่มจุดหนึ่งแล้วเดินไปจุดสิ้นสุดอีกจุดหนึ่ง โดยจะเริ่มเดินจากสถานีทวนสัญญาณหรือมักจะเรียกกันว่า สถานีเรดาร์ เดินไปจบเส้นทางที่บ้านแม่ตอนหลวง  หรือจะเริ่มเดินจากทางขึ้นบ้านแม่ตอนหลวง มาสิ้นสุดเส้นทางที่สถานีเรดาร์ก็ได้
    เส้นทางเดินสถานีเรดาร์แยกจากถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 118 บริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 52-53  ส่วนทางสายบ้านแม่ตอนหลวงจะแยกบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 27
      ระยะทางเดินทั้งสิ้น 17 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3-4 วัน แล้วแต่จะว่าจะรีบเร่งหรือว่าจะเดินเพื่อชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ บนสันดอยมีจุดพักแรมเป็นจุดๆ และมีแหล่งน้ำซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก  ตลอดเส้นทางเดินป่า 17 กิโลเมตรมีสิ่งที่น่าสนใจตลอดเส้นทาง ดูแผนที่ประกอบ
         ก.ม.ที่ 1-ก.ม.ที่ 2
เส้นทางเดินประมาณ 2 กม. เป็นที่ราบสำหรับภูเขาสูงชัน เดินไต่ระดับความสูงตามสันเขาจิกจ้องอาจสร้างความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าให้กับนักเดินทางพอสมควร แต่มีจุดหยุดพักผ่อนเป็นระยะ ต่อเมื่อเดินไต่ระดับไปยังจุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆอากาศจะเริ่มเย็นสบาย มองเห็นภูมิประเทศอันเป็นเขาสลับซับซ้อน และผืนป่าอันกว้าง โดยมีบ้านแม่ตอนหลวงซ้อนตัวอยู่อย่างเงียบท่ามกลางหุบเขา ในช่วยเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศจะหนาวเย็นโดยเฉพาะบริเวณยอดดอย เป็นฤดูกาลที่ดอกกุหลาบพันปีออกดอก จะเริ่มเบ่งบานตาม 2 ข้างทางตามหุบเขาด้านล่าง ต้นซากุระออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป จากจุดสูงสุดของดอยจิกจ้องเดินต่อไปอีกไม่ไกลนักจะบรรจบกับดอยลังกาน้อย
       ก.ม.ที่ 2-ก.ม.ที่ 3
ดอยลังกาน้อยเป็นยอดเขาหัวโล้นสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตร บนยอดดอยปราศจากไม้ใหญ่ เนื่องจากกระแสลมที่พัดค่อนข้างแรงประกอบกับทางธรณีวิทยาของดอยลังกาน้อยเป็นหินแกรนิต รากของต้นไม้ใหญ่ จึงยากที่จะกัดเซาะผ่านหินลงไปได้ลึก เส้นทางดินขึ้นจากด้านล่างสู่ยอดดอยยาวประมาณ 300 เมตร ค่อนข้างสูงและลาดชัน เป็นจุดที่อันตรายที่สุดของทางเดิน นักท่องเที่ยวต้องอาศัยการปีนป่ายไปตามโขดหิน ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานและเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในทิศทางตรงกันข้าม หากวันใดที่ฟ้าเปิดไม่มีเมฆฝนก็จะสามารถมองเห็นตัวเมือง เชียงใหม่และดอยสุเทพได้อย่างชัดเจนทางด้านทิศใต้ นักท่องเที่ยวมักจะคางแรมคืนแรกที่ดอยลังกาน้อย เนื่องจากใกล้แหล่งน้ำและยอดดอยอันเป็นจุดชมวิว
       ก.ม.ที่ 3-ก.ม.ที่ 4
จุดตั้งแค้มป์พักแรมบริเวณดอยลังกาน้อยมีอยู่ 3 แห่ง แห่งแรกและแห่งที่ 2 ห่างจากยอดดอยลงไปประมาณ 200 เมตร มีแหล่งน้ำซับที่ไหลออกมาจากใต้หินมีชื่อเรียกว่า ท้องลังกาน้อยแต่ไม่มีน้ำไหลตั้งแต่เดือนธันวาคม-เมษายน แต่จะมีเพียงน้ำขังเท่านั้น
      ก.ม.ที่ 4-ก.ม.ที่ 5
ถัดออกไปอีกประมาณ 200 เมตร เป็นจุดพักแรมแห่งที่ 3 ซึ่งอยู่บริเวณหุบเขาดอยลังกาน้อยมีธารน้ำไหลตลอดปี
      ก.ม.ที่ 5-ก.ม.ที่ 6
บริเวณนี้เป็นจุดที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดมีร่องรอยของสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุมบริเวณใกล้แหล่งน้ำเช่น หมูป่าเก้ง หมี และนกนานาชนิด บริเวณดอยลังกาน้อย นอกจากเป็นจุดชทวิวพระอาทิตย์ขึ้น-ตกและทะแลหมอกแล้ว การส่องนกเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ
      ก.ม.ที่ 6-ก.ม.ที่ 9
จากดอยลังกาน้อยสู่ดอยลังกาหลวงเส้นทางเดินเริ่มสะดวกสบาย เดินลัดเลาะไปตามสันเขามีช่วงเดินขึ้นลงเขาไม่มากนัก ผ่านป่าสนป่าดงดิบชื้น ตลอดจนสองข้างทางมีพันธุ์ไม้นานาชนิด ยิ่งเดินเข้าใกล้ดอยลังกาหลวงมากเท่าใดสภาพป่าเริ่มสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ ดอยลังกาหลวงห่างจากดอยลังกาน้อย 6 กม. ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3-4 ชั่วโมงดอยลังกาหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานฯ นักเดินทางส่วนใหญ่มัดเลือกตั้งแค้มป์พักแรมที่เชิงเขาด้านล่างห่างจากยอดดอยประมาณ 800 เมตร ซึ่งเป็นป่าดงดิบเขาเหมาะสำหรับใช้เป็นที่กำบังลมหนาวที่ค่อนข้างแรงอีกทั้งไม่ไกลจากแหล่งน้ำด้านล่างนัก

     ก.ม.ที่ 9-ก.ม.ที่ 12
จากดอยลังกาหลวงไปสู่ดอยผาโง้มหรือดอยแม่โถประมาณ 3 กม. กม.ที่ 10 จะผ่านสันเขากุหลาบพันปีซึ่งจะเริ่มผลิดอกราวเดือนธันวาคม-มกราคม ขึ้นอยู่กับสภาพความเย็นหากปีใดอากาศหนาวเย็นเร็ว กุหลาบพันปีก็จะผลิดอกเร็วกว่าปกติดอยผาโง้มหรือดอยแม่โถ เป็นยอดเขาหินที่มีลักษณะโง้มตามชื่อสูงจากระดับน้ำทะแลประมาณ 1,764 เมตร ตั้งอยู่ห่างจากดอยลังกาหลวง ประมาณ 3 กม. ทางด้านทิศตะวันตก พื้นที่ราบด้านบน ยอดดอยผาโง้มมีน้อย จึงไม่เหมาะแก่การพักแรมค้างคืนบนยอดดอย เหมาะสำหรับเป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก จากที่พักเส้นทางเดินขึ้นและลงค่อนข้างลื่นและลาดชันทางเดินค่อนข้างเล็กคล้ายกิ่วสันดาบ ในฤดูฝนการเดินขึ้นและลงจะยากลำบากมาก ต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
      ก.ม.ที่ 12-ก.ม.ที่ 17
จากดอยผาโง้มถึงดอยสันยาว หรือสถานีทวนสัญญานประมาณ 5 กม. ต้องเดินไต่เขาลงสันเขาเป็นส่วนใหญ่สภาพภูมิประเทศเป็นป่าดิบเขาที่มีความสมบูรณ์ไปจนสิ้นสุดเส้นทางเดินป่าที่สถานีทวนสัญญาณของการสื่อสารแห่งประเทศไทยที่ดอยสันยาวซึ่งเป็นจุดที่รถยนต์สามารถเข้าไปจอดรับได้ถือได้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทางลุยป่าดอยลังกาหลวง
                                                                                                   จุดแรก เราก้อมองเห็น สถานีเรดาร์ที่เราเพิ่งจากมา 2 กม.

ดอยลังกาหลวง มีจุดเด่นในเรื่องของเส้นทางเดินที่ท้าทายและยาวไกล แต่เป็นทางไกลที่ไม่น่าเบื่อหน่ายเพราะตลอดเส้นทางมีสภาพป่าที่แตกต่างกัน ตลอดจนภูมิประเทศที่ต่างกันในแต่ละดอยทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจไม่เบื่อหน่าย  นอกจากดอยลังกาจะมีสภาพป่าเป็นป่าดิบเขาแล้ว ดอยลังกายังมีป่าโบราณหรือป่าดึกดำบรรพ์อีกด้วย ท้ายของเส้นทางเดินที่ดอยลังกาน้อยสภาพป่าจะเปลี่ยนไปเป็นป่าสนเขา มีต้นสนคล้ายๆ ภูกระดึงแต่ว่าสนที่นี่จะขึ้นตามแนวหน้าผาดูน่าทึ่งมากกว่าที่อื่นๆ และท้าทายให้เราเดินเข้าไปชม


อาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์ตก ที่ดอยลังกาหลวง
  บนเส้นทางเดินป่าสายนี้ท่านสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้หลายจุด ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเราเดินอยู่บนสันดอย จุดพักแรมก็หลบเข้าไปบริเวณป่าในหุบเขาเบื้องล่าง เวลาจะชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกเพียงเดินขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  จุดชมพระอาทิตย์ที่น่าสนใจคือ บริเวณบน ดอยผาโง้ม  บริเวณสันดอยก่อนถึงยอดดอยลังกาหลวง และบริเวณยอดดอยลังกาน้อย ที่สูงเด่นไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ
    ก่อนขึ้นดอยผาโง้ม









ดอยผาโง้ม

  นอกจากวิวสวยแล้ว ดอยลังกายังมีพรรณไม้ดอกสวยงามหลายชนิด ที่โดดเด่นก็คือ กุหลาบขาวดอยลังกา ดอกมีขนาดเล็ก สีสวยงาม จะเริ่มออกดอกตั้งแต่ฤดูหนาวไปจนถึงเดือนมีนาคม นอกจากนี้ยังมีกล้วยไม้อีกหลายชนิดซึ่งจะออกดอกในช่วงฤดูแล้ง ดอกหรีดดอยลังกามีมากบริเวณทุ่งโล่งบนสันดอย และยังมีดอกไม้สวยอีกหลายชนิดซึ่งสามารถพบเห็นได้ตลอดเส้นทางเดิน
ดอกกุหลาบขาวดอยลังกา
ทัศนียภาพดอยลังกาหลวง   ดอยลังกาน้อย
เช้าตรู่บนดอยลังกาหลวง มองเห็นเมืองแม่ขะจาน ลิบๆ
เช้าที่ดอยลังกาหลวง









ดอยลังกาน้อย

ภาพหมู่ บนดอยลังกาหลวง
สิ่งอำนวยความสะดวก
ดอยลังกาหลวงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ  บนดอยมีแต่ภูเขากับต้นไม้  การเที่ยวบนดอยลังกาหลวงเป็นลักษณะเที่ยวแบบเดินป่าตั้งแค้มป์พักแรม  โดยที่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมเต็นท์เครื่องนอน และอาหารไปให้พร้อม  การแบกสัมภาระขึ้นดอยลังกาหลวงจะมีลูกหาบไว้บริการ  โดยจะต้องแจ้งความต้องการล่วงหน้าเพื่อให้ทางอุทยานจัดหาลูกหาบไว้พร้อมในวันเดินทาง 
       หากสนใจ ติดต่อได้ที่ อุทยานแห่งชาติขุนแจ  ต.แม่เจดีย์ใหม่  อ. เวียงป่าเป้า  จ. เชียงราย
ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเที่ยว สบายๆ 4 วัน 3 คืน  หรือแบบลุยๆ หน่อยก็ 3 วัน 2 คืน


ก่อนจาก ขอมอบมิวสิควีดิโอ ดอยลังกา ให้ดูเล่น นะครับ